
“ท้อปสเปซ” เผยเทรนด์ผู้ซื้อยุค 3G ดันโฆษณาออนไลน์โตเท่าตัว มีสิทธิ์ทะลุ 4.5 พันล้าน ทั้งชี้โฆษณาแนวใหม่ “พรีโรล” มาแรง แต่ “แบนเนอร์” ยังไม่หายไปไหน ย้ำชาวไทยเทคโนโลยีจ๋า แต่ชอบอะไรใช้งานง่ายๆ นาย จักรพันธ์ พวงแก้ว กรรมการผู้จัดการธุรกิจมีเดียออนไลน์ บริษัท ท้อป สเปซ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดูแลพื้นที่โฆษณาเว็บสนุกดอตคอม กล่าวว่า แฟชั่นการใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยมากขึ้นอย่างเร็ว ทำให้แบรนด์ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ หันมามองทางเลือกนี้ในการทำประชาสัมพันธ์เยอะขึ้น อาจทำให้มูลค่าการลงโฆษณาพุ่งไปถึง 4.5 พันล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วเท่าตัว แต่ถ้าเทียบเคียงมูลค่าตลาดโฆษณาที่มีกว่า 1.2 แสนล้านบาท โฆษณาออนไลน์คิดเป็นเพียง 4% จากปีที่แล้วมีสัดส่วน 2%
เมื่อ แบ่งประเภทการโฆษณาออนไลน์พบว่า จำนวนมากอยู่บนเว็บไซต์ มีเพียง 1% ที่ลงบนสมาร์ทดีไวซ์ เนื่องจาก 3G ยังไม่ได้เปิดใช้ แต่ปีนี้พร้อมเปิดใช้ไตรมาส 2 เป็นโอกาสที่ผลิตภัณฑ์จะให้ความสนใจดันมูลค่าโฆษณาบนมือถือไปได้ถึง 2% ของโฆษณาออนไลน์ทั้งหมด และในปีนี้จะมี “พรีโรล” หรือการทำโฆษณาโดยการแสดงภาพเคลื่อนไหวของผลิตภัณฑ์ก่อนคลิปวิดีโอที่ต้อง การชมจะเริ่ม หรือก่อนหน้าเว็บไซต์หลักจะเปิดขึ้น เป็นวิธีที่จะใช้แพร่สะพัดขึ้น หลังจากมีใช้บ้างแล้วเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีพัฒนาไปมาก ทำให้ระบบนี้ง่ายขึ้น ทั้งการทำโฆษณาแทรกยังประหยัดงบ และไม่จำเป็นต้องแย่งเวลาในโทรทัศน์ สามารถดูตัวอย่างเพิ่มเติมได้ที่นี่
อย่างไรก็ตามโฆษณาในแบบใหม่ “แบนเนอร์” หรือการติดโฆษณาบนพื้นที่เว็บ หรือการทำ seo ก็จะยังไม่หายไปไหน เนื่องจากเป็นวิธีหลักในการเข้าถึงผู้ซื้อทั่วไป ส่วนการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ก็ใช่ว่าจะบรรลุผลเสมอไป ดังเช่น การใช้ QR Code และ AR (Augmented Reality) ต่างไม่ได้รับการตอบรับจากผู้ซื้อในแง่บวก เนื่องจากความซับซ้อนในการใช้งาน รวมถึงระบบเน็ตที่ยังไม่รวดเร็วพอ ขณะที่ราคาดีไวซ์ยังสูง ทำให้ผู้ซื้อเลือกเสพสื่อแบบเดิมมากกว่าทดลองวิธีใหม่ ๆ
“ถ้าลองดู ให้ดี ประชาชนหลายท่านยังเข้าใจว่าถ้ามีสมาร์ทโฟนก็สามารถอ่าน QR Code ได้เลย แต่จริง ๆ แล้วก่อนอ่านได้ต้องลงแอปพลิเคชั่น นี่เป็นเหตุผลง่าย ๆ ที่ทำให้การใช้วิธีนี้ประชาสัมพันธ์ไม่ได้เข้าถึงตามวัตถุประสงค์ ส่วน AR ก็คล้ายกัน ผู้ซื้อตื่นเต้น หรือ Wow ช่วงแรกแต่ระยะยาวไม่มีผล หากจะทำสื่อออนไลน์ในไทยที่ผู้ใช้ไม่ค่อยชอบความยาก ระบบอินฟราสตรักเจอร์ยังไม่ดี ก็ไม่ควรทำอะไรที่ล้ำเกินไป”
กลุ่ม ผลิตภัณฑ์ที่เข้ามาทำโฆษณาออนไลน์ อันดับ 1 เป็นคอนซูเมอร์โปรดักต์ รองลงมาเป็นยานยนต์ และสินค้าไอที เนื่องจากผู้บริโภคลดการชมโทรทัศน์ รวมถึงการใส่รายละเอียดลงไปในโลกออนไลน์ทำได้มากกว่าสื่อเดิม และยังเข้าถึงผู้ซื้อได้ตรงกว่าการลงโฆษณาปกติ และสามารถตรวจวัดการเข้าชมได้แม่นยำ
นายจักรพันธ์กล่าวถึงรายได้ของ บริษัทว่า มาจากการดูแลสื่อโฆษณาของบริการในเครือสนุกทั้งหมด เหมือนกับ เว็บไซต์สนุกดอตคอม และ WeChat คาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 40% หรือ 7% ตลาดรวมโฆษณาดิจิทัล